วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

ตำนานมโนราห์

                   
                                         มโนราห์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีไทย
ภาพนางมโนราห์

    "นอกอ นะกะ เล่า และรื่นเหอรื่น ลูกจะไหว้ นางธรณีเอาเล่าและพึ่งแผน เอาหลังเข้ามาตั้งให้เป็นแท่นรองตีนชาวมนุษย์เอาเล่าและทั้งหลายชั้นกรวดและดินดำ ชั้นถัดมาชั้นนำเล่าละอองทรายนาคเจ้าแลกฤๅสายขายให้โนเนโนในขานมาเล่าแล้ขาต้องทำนองเหมือนวัวชักไถ เพลงสำลีไม่ลืมใยพี่ไปก็ลืมน้องหนา ลมตั้งเมฆแล้วก็พัดขึ้นมาลาดว่าวดาราพัดโต้ด้วยลมสลาตันแล่นเรื่อเถิดเหวย น้องกลางคืนเป็นกลางวันแล่นออกลึกไม่เห็นฝั่งเอาเกาะกะชังมาเป็นเรือนเพื่อนบ้านเขานับปี นางนวลทองสำลีนับเดือนเอาเกาะกะชังมาเป็นเรือนเป็นแท่นที่นอนของน้องหนาค่ำแล้วแก้วพี่ค่ำเอยลงมาไรไร มาเราค่อยจดค่อยจ้องมาเราค่อยร้องค่อยไปรักเจ้านวลสลิ้มคือตังพิมพ์ทองหล่อใหม่เจ้านวลทั้งตัวสคราญเจ้านวลทั้งใบเจ้านวลจริงจริงไม่มีใยขัดใจไปแล้วน้องหนาครั้งถึงลงโรง ลูกยอไหว้ครู หารือพ่อขุนศรัทธา"
                                                                                                       
             เป็นบทขานเอที่ใช้ในการแสดงมโนราห์ ซึ่  “มโนราห์  หรือ โนราห์ ที่คนภาคใต้เรียกชิ่อกล่าวขานกัน เป็นการละเล่นพื้นเมืองภาคใต้ที่มีมาแต่โบราณ ได้รับอิทธิพลจากอินเดียโบราณก่อนสมัยศรีวิชัยมีการสืบ ทอดกันมานานและนิยมกันอย่างแพร่หลายใน ภาคใต้     เป็นการละเล่นที่มีทั้งการร้อง การรำ บางส่วนเล่นเป็นเรื่อง และบางส่วน แสดงตามคติความเชื่อที่เป็นพิธีกรรม  มีเครื่องดนตรีประกับคือ โหม่ง ฉิ่ง ทับ กลอง ปี่ เรียกว่าเบ็ญจสังคีต ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกที่ เมืองพัทลุงหรือปัจจุบันคือ ตำบล บางแก้ว จังหวัดพัทลุง
การแสดงมโนราห์

         จากคำบอกเล่าของนายสาย ภักดีสังข์ ผู้สอนรำมโนราห์ได้เล่าว่า
          "กาลครั้งนั้นยังมีพระยาเมืองพัทลุง กับพระมเหสีได้ครองคู่กันมาหลายปี เเต่ก็ไม่มีบุตรไว้สืบสกุลสักคน ทั้งพระสามีเเละพระมเหสีได้ตกลงกันจุดธูปเทียนบนบานศาลกล่าวเเด่เทวดาเเละสิ่งศักสิทธิ์ ขอให้ช่วยประทานบุตรให้สักคนจะเป็นหญิงก็ได้ ชายก็ดีไว้เป็นทายาทสืบสกุลต่อไป 
        มาวันหนึ่งพระมเหสีบอกพระสามีว่ากำลังทรงมีพระครรภ์ พระสามีได้ฟัง ก็ดีพระทัยมาก เมื่อครบกำหนดประสูติกาลได้ประสูติพระธิดาจึงได้ตั้งชื่อว่าศรีมาลา เมื่อเจริญวัยได้ประมาณ 5-6 เดือนก็เริ่มรำทำมือพลิกไปพลิกมาจนเคยชิน ตั้งเเต่เล็กจนโตรำมาตลอดส่วนพระบิดาก็ร้อนใจเเละละอายต่อไพร่ฟ้า ประชาชนที่พระธิดาโตเเล้วยังรำอยู่เช่นนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรส่วนประชาชนก็พากันติฉินนินทาไม่ขาดหูเลยตัดสินใจ ให้ทหารนำไปลอยเเพในทะเล เเม่ศรีมาลาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเเสนสาหัสจนสลบ
นอนเเน่นิ่งอยู่บนเเพนั้นเเพถูกคลื่นลมพัดพาไปตามกระเเสน้ำตามยถากรรมจนกระทั่งไปติดอยู่กับโขดหินใกล้กับเกาะสีชัง. พ่อขุนศรัทธาซึ่งต้องคดีการเมืองถูกนำไปกับไว้บนเกาะสีชังพร้อมพวกพระยาต่างๆที่ต้องคดีเกดียวกันถูกนำมากักขังรวมกันบนเกาะเเห่งนี้ในวันนั้นพ่อขุนศรัทธาได้ลงไปตักน้ำเพื่อจะชำระร่างกาย บังเอิญมองไปในทะเลได้เห็นเเพลำหนึ่งลอยมาติดอยู่ที่โขดหินใกล้เกาะเเละมีคนๆหนึ่งนอนอยู่บนเเพพอจะเเลเห็นได้ถนัดตนเองจะลงไปช่วยก็ไม่ได้เพราะน้ำบริเวณนั้นลึกมากจึงไปบอกกับพระยาโถมน้ำซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคมเดินบนน้ำได้ให้ไปช่วยพระยาโถมน้ำรับปากเเล้วได้ลงมาดูเห็นเป็นดังที่ขุนศรัทธาพูดจริงๆจึงตัดสินใจเดินไปบนน้ำลากเเพเข้าหาฝั่งได้เเต่จะทำอย่างไรผู้หญิงที่นอนอยู่ในเเพยังสลบไศลไม่ได้สติจึงได้เรียกบบรดาพวกพระยาทั้งหมดให้มาดูเผื่อจะมีผู้ใดมีปัญญาช่วยเหลือได้
       ขณะนั้นพระยาลุยไฟซึ่งร่วมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่เป็นอะไรมากคงเนื่องจากความหนาวเย้นนั้นเองที่ทำให้เธอไม่ได้สติเมื่อคิดได้ดังนั้นจึงสั่งให้พวกพระยาทั้งหลายช่วยกันหาไม้ฟืนมาก่อไฟสักกองใหญ่เเล้วพระยาลุยไฟก็อุ้มเอาร่างผู้หญิงคนนั้น เดินเข้าไปในกองไฟ ความหนาวที่เกาะกุมนางอยู่ เมื่อถูกความร้องจากกองไฟ ก็เริ่มผ่อนคลายและรู้สึกตัวในเวลาต่อมา เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้ว จึงนำนางขึ้นไปยังที่พัก และข้าวปลาอาหารแก่นาง จนมีเรี่ยวแรงปกติขึ้น เมื่อมีเรี่ยวแรงดีแล้ว  แม่สรีมาลาก็เริ่มรำอีก ทำให้พวกพระยาทั้งหลายแปลกใจ พากันถามไถ่ไล่เรียง แม่ศรีมาลาจึงเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้พวกพระยาฟัง. พวกพระยาทั้งหมดต่างก็คิดกันว่า จะทำอย่างไรต่อไปดี พระยาคนหนึ่ง จึงเสนอให้พ่อขุนศรัทธา นำแม่ศรีมาลาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม  ส่วนการร่ายรำของเธอจะมอบให้พระยาเทพสิงหร ไปประชุมพระยาให้ช่วยกันจัดการในเครื่องดนตรี และพระยาเทพสิงหร เป็นหัวหน้าคณะ และได้ตั้งชื่อคณะ คือ คณะมโนราห์   ในฐานะพระยาเทพสิงหร เป็นหัวหน้าคณะ และได้ตั้งคณะมโนราห์ขึ้น มโนราห์โรงนี้จึงเรียกกันว่า มโนราห์เทพสิงหร กาลเวลาผ่านมาพอสมควร คณะมโนราห์เทพสิงหร ได้แสดงไปเรื่อยๆจนข่าวลือไปทั่วสารทิศ  จนทราบไปถึง พระยาพัทลุง พระบิดา ซึ่งรู้เพียงแค่ว่ามโนราห์เทพสิงหรเเสดงดีมาก จึงรับสั่งให้ทหารไปรับมาแสดงในพระราชวัง มโนราห์ก็มาเเสดงมาตามคำเรียกร้อง พระยาเมืองพัทลุง ได้ทอดพระเนตรการเเสดง ก็ทรงชื่นชมพอพระทัย
       พอถึงฉากแม่ศรีมาลาออกมารำ เจ้าเมืองก็จำไม่ได้ว่าเป็นแม่ศรีมาลาเพราะแต่งกายด้วยชุดมโนราห์ ดูผิดแปลกไป มีรูปทรงน่ารัก น่าเอ็นดู พร้อมทั้งมีเสน่ห์เย้ายวนใจ เมื่อแม่ศรีมาลานั่งอยู่บนเตียงตั่ง เจ้าเมืองก็ลุกจากที่ประทับ เดินเข้าไปในโรงมโนราห์ ด้วยความเสน่หา แล้วได้จูงมือเเม่ศรีมาลาพาไปยังตำหนัก และเข้าไปในห้องทรง ให้แม่ศรีมาลาเปลี่ยนเครื่องทรงชุดมโนราห์ออก แล้วร่วมสมสู่กับนาง เเม่ศรีมาลาเห็นผิดปกติ ก็เลยบอกความจริงว่า "พระบิดาเจ้าข้า  หม่อมฉันเป็นลูกของท่านน่ะ ลูกที่ท่านลอยแพไป หม่อมฉันยังไม่ตาย แพไปติดอยู่ที่เกาะสีชัง พวกพระยาทั้งหลายเขาเลี้ยงหม่อมฉันไว้ แล้วได้ตั้งคณะมโนราห์ขึ้น"เมื่อได้ฟังดังนั้นก็โกรธมาก จึงรับสั่งให้นำแม่ศรีมาลาจับไปถ่วงน้ำ คณะมโนราห์ทั้งหมดก็ให้ทหารควบคุมตัวไว้ ไม่ให้ออกนอกวัง ส่วนเเม่ศรีมาลา เมื่อทหารกำลังนำตัวเดินลงมาจากพระตำหนัก นางได้ขอร้องให้ทหารนำตัวไปพบคณะมโนราห์และได้กล่าวอำลาครั้งสุดท้ายด้วย ทหารจึงทำตามความประสงค์ นำตัวแม่ศรีมาลาไปพบคณะมโนราห์ เมื่อทุกคนรู้เรื่องราวก็พากันเศร้าโศกเสียใจไปตามๆกัน
       แม่ศรีมาลาพูดกับคณะมโนราห์ว่า "หนูหมดบุญที่จะเป็นมนุษย์แล้ว เพราะเกิดมาครบสิบสองชาติแล้ว ท่านทั้งหลายไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ เมื่อท่านคิดถึงหนู ขอให้จัดโรงมโนราห์ขึ้นแล้วให้รำสิบสองท่า ว่าให้ครบสิบสองบท และเล่นสิบสองเรื่อง ตามชาติเกิดของหนู แล้วท่านจะไดสมหวัง หนูจะมากินกับมโนราห์เท่านั้น " และแม่สรีมาลาได้จบชีวิตลงในน้ำ".
     
          ถึงแม้ว่าในปัจจุบันวัฒนธรรมมโนราห์ไม่ค่อยนิยมเล่นให้ชมกันแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มชนบางกลุ่มซึ่งมีจำนวนน้อยมากที่ยังอนุรักษ์และสืบสานกันอยู่ในแถบจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ลูกหลานได้ชมและศึกษาต่อไป



การแต่งกายด้วยชุดมโนราห์

  
แหล่งอ้างอิง:
ภาพนางมโนราห์: http://www.baanjomyut.com
การเเสดงมโนราห์:  http://p-sangtubtim.in.th
 การแต่งกายมโนราห์: http://www.bloggang.com/













      

3 ความคิดเห็น:

  1. คะแนนที่ได้ 22 คะแนน
    จัดเรียงประกอบเรียงความได้ดี แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
    1. คำนำของบทความ ส่วนเกริ่นนำเรื่อง ควรจะเป็นการเขียนกว้างๆกว่านี้ ก่อนที่จะเจาะลึกลงไปในเนื้อเรื่อง
    2. ส่วนเนื้อเรื่อง ต้องจัดลำดับย่อหน้าให้เนื้อหามีความชัดเจนถูกต้องกว่านี้ เพื่อสามารถสื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย
    3. ส่วนสรุปไม่สัมพันธ์กับเนื่อหา และสั้นเกินไป
    โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )

    ตอบลบ
  2. คะแนนที่ได้ 25 คะแนน
    จัดรูปภาพประกอบการเขียนเรียงความได้ดี แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
    1. ส่วนนำและเนื้อเรื่อง ต้องจัดลำดับย่อหน้าให้เนื้อหามีความชัดเจนถูกต้องกว่านี้ เพื่อสามารถสื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย
    3. ส่วนสรุปยังขาดความเป็นเอกภาพ ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
    4. แหล่งอ้างอิง สามารถเข้าถึงได้
    โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )

    ตอบลบ
  3. คะแนนที่ได้ 28 คะแนน

    ตอบลบ