เรื่อง ความเป็นมาของหมู่บ้าน
ความเป็นมาของหมู่บ้านโต๊ะนะก็ คือ ก่อนที่จะมีชื่อแบบนี้ เขาได้เล่ามาว่า มีพระราชาของอิสลามได้มาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างชั่วคราวและพระราชาได้เลี้ยงช้างตั้งหลายสิบตัว และเขาก็ได้ปลูกสัปปะรดรอบบ้านของพระราชา และอีกอย่างพระราชาเขาได้ชวนให้ญาติของดิฉันได้เข้าไปอาศัยอยู่กับพระราชา ซึ่งเขาได้เล่ามาว่าตอนที่เขาได้เข้าไปอยู่กับพระราชาไม่ใช่ง่ายๆ เพราะต้องพูดอย่าง นุ่มนวล
พออยู่ไม่นานนักพระราชาก็ได้เสด็จออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ เขาได้ไปอาศัยอยู่ใน ตำบลโกตาบารู จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี่ยวนี้ก็เหลือแต่ สุสานโต๊ะหนิ
ป้ายของหมู่บ้าน |
ความเป็นมาของหมู่บ้านโต๊ะนะก็ คือ ก่อนที่จะมีชื่อแบบนี้ เขาได้เล่ามาว่า มีพระราชาของอิสลามได้มาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างชั่วคราวและพระราชาได้เลี้ยงช้างตั้งหลายสิบตัว และเขาก็ได้ปลูกสัปปะรดรอบบ้านของพระราชา และอีกอย่างพระราชาเขาได้ชวนให้ญาติของดิฉันได้เข้าไปอาศัยอยู่กับพระราชา ซึ่งเขาได้เล่ามาว่าตอนที่เขาได้เข้าไปอยู่กับพระราชาไม่ใช่ง่ายๆ เพราะต้องพูดอย่าง นุ่มนวล
พออยู่ไม่นานนักพระราชาก็ได้เสด็จออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ เขาได้ไปอาศัยอยู่ใน ตำบลโกตาบารู จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี่ยวนี้ก็เหลือแต่ สุสานโต๊ะหนิ
พออยู่อีกไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งได้มาไล่อูฐ เพราะในหมู่บ้านนี้มีอูฐเป็นจำนวนมาก
และเขาคนนั้นรู้สึกเหนื่อยและหิ้วขึ้นมา มีคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง
เขาได้เอาน้ำกับสัปปะรดมาให้แก่ผู้ชายคนนั้นกิน
ผู้ชายคนนั้นก็เลยกินสัปปะรดกับน้ำ ซึ่งสัปปะรดในภาษามาลายูเขาเรียกว่า
เวาะห์ลานะ เขาก็เลยได้ตั้งชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า หมู่บ้านโต๊ะหน๊ะ แต่ในเมื่อมีพระราชามาอาศัยอยู่ก็เลยตั้งชืออีกอย่างว่า
กอตอโต๊ะนะ แต่เดียวนี้เขาไม่เรียกแบบนี้แล้ว เขาเรียกกันว่า หมู่บ้านโต๊ะนะ
จนถึงทุกวันนี ในหมู่บ้านแห่งนี้ในสมัยก่อนเขาจะไม่ค่อยเรียนสักเท่าไร
และเป็นหมู่บ้านที่แย่ที่สุด เพราะว่ามีทั้ง หนังตะหลุง เล่นการพนัน และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งในศาสนาอิสลามไม่ควรที่จะเล่นสิ่งเหล่านี้เลย ซึ่งในอิสลามพระองค์ก็ได้สังห้ามให้แล้ว แต่พออยู่นานนานได้มีครูคนหนึ่งเขาได้แต่งงานกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาก็เลยมาเป็นครูคนแรก ในหมู่บ้านแห่งนี้ คนในหมู่บ้านนี้ได้เรียนกันจนถึงปานี้ บ้างคนก็ได้เรียนถึงจบปริญญาโทและเอกกันหลายคนทั้งหญิงและชาย
และอีกอย่างเมือก่อนในหมู่บ้านแห่งนี้เหมือนกับ
เป็นหมู่บ้านที่รักษาวัฒนธรรมของภาคใต้ อย่างเช่น หนังตลุง ดีเกฮูลู..
มโนรา เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงหนังตลุงกับ
ดีเกฮูลู ส่วนมโนราเขาไม่ค่อยเล่นมานานแสนนานแล้ว หมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่นี้เมื่อก่อนก็เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ แต่เดี่ยวนี้
เขาได้แบ่งออกมาเป็น 2 หมู่บ้านก็เลยเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดเล็ก
มีบ้านทั้งหมด 57 หลัง และมีประชากรทั้งหมด 286 คน
ดีเกฮูลู ส่วนมโนราเขาไม่ค่อยเล่นมานานแสนนานแล้ว
ซึ่งในสมัยนี้ถ้ามีงานแต่งงานบ้างคนก็อาจจ้างให้เขามาเล่นหนังตะลุง
แต่บ้างคนก็ไม่เล่น
อยู่ที่บ้างคนเท่านั้น
แต่ส่วนการพนันนี้เขาได้เลิกเล่นกันนานแสนนานแล้ว ในสมัยนี้ก็เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่และสงบสุข
ประชาชนก็ได้มีแต่ร้อยยิ้มอย่างตลอดไป สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ คุณเจ๊ะมีเนาะห์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับตำนานของหมู่บ้านที่ดิฉันไม่เคยรู้ ดิฉันรู้สึกดีใจที่มีผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับหมู่บ้านของดิฉัน หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านตำนานหมู่บ้านของดิฉัน หากมีขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ
อ้างอิง
นางเจ๊ะมีเนาะห์ หะโยะ
คะแนนที่ได้ 20 คะแนน แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
ตอบลบ1. คำนำของบทความ ส่วนเกริ่นนำเรื่อง ควรจะเป็นการเขียนกว้างๆกว่านี้ ก่อนที่จะเจาะลึกลงไปในเนื้อเรื่อง
2. ส่วนเนื้อเรื่อง ต้องจัดลำดับย่อหน้าให้เนื้อหามีความชัดเจนถูกต้องกว่านี้ เพื่อสามารถสื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย
3. ส่วนสรุปยังขาดความเป็นเอกภาพ ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
4. ยังขาดแหล่งอ้างอิง ตำนานเรื่องเล่า
โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )
คะแนนที่ได้ 23 คะแนน แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
ตอบลบ1. ควรแทรกรูปภาพด้วย
2. ส่วนนำและเนื้อเรื่อง ยังไม่น่าสนใจ
3. ส่วนสรุปยังขาดความเป็นเอกภาพ ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
4. ส่วนนำ เนื้อเรื่อง สรุป ควรให้ชัดเจนกว่านี้
5. ยังขาดแหล่งอ้างอิง ตำนานเรื่องเล่า
โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )
คะแนนที่ได้ 27 คะแนน
ตอบลบ