วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความเป็นมาของหมู่บ้านโต๊ะหน๊ะ(เด็กหญิงซัลมี กาจิเจ๊ะแย)

เรื่อง ความเป็นมาของหมู่บ้าน


ป้ายของหมู่บ้าน
  
ความเป็นมาของหมู่บ้านโต๊ะนะก็  คือ ก่อนที่จะมีชื่อแบบนี้ เขาได้เล่ามาว่า มีพระราชาของอิสลามได้มาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างชั่วคราวและพระราชาได้เลี้ยงช้างตั้งหลายสิบตัว และเขาก็ได้ปลูกสัปปะรดรอบบ้านของพระราชา   และอีกอย่างพระราชาเขาได้ชวนให้ญาติของดิฉันได้เข้าไปอาศัยอยู่กับพระราชา    ซึ่งเขาได้เล่ามาว่าตอนที่เขาได้เข้าไปอยู่กับพระราชาไม่ใช่ง่ายๆ เพราะต้องพูดอย่าง    นุ่มนวล         
 พออยู่ไม่นานนักพระราชาก็ได้เสด็จออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ เขาได้ไปอาศัยอยู่ใน ตำบลโกตาบารู จนถึงทุกวันนี้ แต่เดี่ยวนี้ก็เหลือแต่ สุสานโต๊ะหนิ
                พออยู่อีกไม่นานก็มีผู้ชายคนหนึ่งได้มาไล่อูฐ   เพราะในหมู่บ้านนี้มีอูฐเป็นจำนวนมาก และเขาคนนั้นรู้สึกเหนื่อยและหิ้วขึ้นมา   มีคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง เขาได้เอาน้ำกับสัปปะรดมาให้แก่ผู้ชายคนนั้นกิน
ผู้ชายคนนั้นก็เลยกินสัปปะรดกับน้ำ  ซึ่งสัปปะรดในภาษามาลายูเขาเรียกว่า เวาะห์ลานะ เขาก็เลยได้ตั้งชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า หมู่บ้านโต๊ะหน๊ะ แต่ในเมื่อมีพระราชามาอาศัยอยู่ก็เลยตั้งชืออีกอย่างว่า กอตอโต๊ะนะ แต่เดียวนี้เขาไม่เรียกแบบนี้แล้ว เขาเรียกกันว่า หมู่บ้านโต๊ะนะ จนถึงทุกวันนี ในหมู่บ้านแห่งนี้ในสมัยก่อนเขาจะไม่ค่อยเรียนสักเท่าไร และเป็นหมู่บ้านที่แย่ที่สุด เพราะว่ามีทั้ง หนังตะหลุง  เล่นการพนัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในศาสนาอิสลามไม่ควรที่จะเล่นสิ่งเหล่านี้เลย ซึ่งในอิสลามพระองค์ก็ได้สังห้ามให้แล้ว  แต่พออยู่นานนานได้มีครูคนหนึ่งเขาได้แต่งงานกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้  เขาก็เลยมาเป็นครูคนแรก ในหมู่บ้านแห่งนี้  คนในหมู่บ้านนี้ได้เรียนกันจนถึงปานี้      บ้างคนก็ได้เรียนถึงจบปริญญาโทและเอกกันหลายคนทั้งหญิงและชาย และอีกอย่างเมือก่อนในหมู่บ้านแห่งนี้เหมือนกับ เป็นหมู่บ้านที่รักษาวัฒนธรรมของภาคใต้ อย่างเช่น หนังตลุง  ดีเกฮูลู..  มโนรา เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงหนังตลุงกับ
ดีเกฮูลู  ส่วนมโนราเขาไม่ค่อยเล่นมานานแสนนานแล้ว หมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่นี้เมื่อก่อนก็เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่   แต่เดี่ยวนี้  เขาได้แบ่งออกมาเป็น 2 หมู่บ้านก็เลยเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดเล็ก มีบ้านทั้งหมด 57 หลัง  และมีประชากรทั้งหมด 286 คน                                           
             ซึ่งในสมัยนี้ถ้ามีงานแต่งงานบ้างคนก็อาจจ้างให้เขามาเล่นหนังตะลุง   แต่บ้างคนก็ไม่เล่น อยู่ที่บ้างคนเท่านั้น  แต่ส่วนการพนันนี้เขาได้เลิกเล่นกันนานแสนนานแล้ว ในสมัยนี้ก็เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่และสงบสุข ประชาชนก็ได้มีแต่ร้อยยิ้มอย่างตลอดไป สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ  คุณเจ๊ะมีเนาะห์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับตำนานของหมู่บ้านที่ดิฉันไม่เคยรู้  ดิฉันรู้สึกดีใจที่มีผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับหมู่บ้านของดิฉัน หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านตำนานหมู่บ้านของดิฉัน หากมีขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยค่ะ


                 อ้างอิง
    นางเจ๊ะมีเนาะห์ หะโยะ







     

3 ความคิดเห็น:

  1. คะแนนที่ได้ 20 คะแนน แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
    1. คำนำของบทความ ส่วนเกริ่นนำเรื่อง ควรจะเป็นการเขียนกว้างๆกว่านี้ ก่อนที่จะเจาะลึกลงไปในเนื้อเรื่อง
    2. ส่วนเนื้อเรื่อง ต้องจัดลำดับย่อหน้าให้เนื้อหามีความชัดเจนถูกต้องกว่านี้ เพื่อสามารถสื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย
    3. ส่วนสรุปยังขาดความเป็นเอกภาพ ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
    4. ยังขาดแหล่งอ้างอิง ตำนานเรื่องเล่า
    โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )

    ตอบลบ
  2. คะแนนที่ได้ 23 คะแนน แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
    1. ควรแทรกรูปภาพด้วย
    2. ส่วนนำและเนื้อเรื่อง ยังไม่น่าสนใจ
    3. ส่วนสรุปยังขาดความเป็นเอกภาพ ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
    4. ส่วนนำ เนื้อเรื่อง สรุป ควรให้ชัดเจนกว่านี้
    5. ยังขาดแหล่งอ้างอิง ตำนานเรื่องเล่า
    โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )

    ตอบลบ
  3. คะแนนที่ได้ 27 คะแนน

    ตอบลบ