ประวัติศาสตร์ วังเก่ายะหริ่ง
|
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้นั้นมีอยู่มากมายซึ่งแต่ละประวัติศาสตร์จะมีเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีความเป็นมาที่ลึกลับ
น่าสนใจ มีเสน่ห์ และไม่สามารถอธิบายความงดงามของมันได้อย่างครบถ้วน หากมิได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ซึ่งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่ดิฉันนำเสนอ คือประวัติความเป็นมาของวังเก่ายะหริ่ง
วังเก่ายะหริ่ง
นับว่าเป็นวังที่มีอายุนานนับร้อยปี วังเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่
๑ ตำบลยามูอำเภอยะหริ่งจังหวัดปัตตานี ปัจจุบันนี้เป็นบ้านพักของทายาทเจ้าเมืองยะหริ่งในอดีตทั้งนี้ยังเป็นสถานที่แวะเที่ยว
ชม ความงามของวัง ที่มีโครงสร้างแบบสไตล์ยุโรป ผสมผสานศิลปกรรมพื้นเมือง
และชวา รวมถึงศึกษาความเป็นมาของวังเก่า และชีวประวัติของเจ้าเมืองเก่า
วังเก่ายะหริ่ง ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองยะหริ่งวังเก่ายะหริ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สร้างความภาคภูมิใจแก่ชาวยะหริ่งในปัจจุบัน
วังยะหริ่งสร้างโดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรสงคราม
ในปีพ.ศ.2438 ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลยามู
ในเขตจังหวัดปัตตานี ลักษณะรูปทรงของวังเป็นอาคาร 2 ชั้น
ครึ่งปูนครึ่งไม้ แบบเรือนไทยมุสลิมผสมกับแบบบ้านแถบยุโรป
ตัววังเป็นรูปตัวยู (U) ชั้นบนภายในอาคาร จัดเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านข้างของตัวอาคารทั้ง 2 ด้าน เป็นห้องสำหรับพักผ่อนของ เจ้าเมืองและบุตรธิดาข้างละ
4 ห้อง ชั้นล่างเป็นลานโล่งแบบใต้ถุนบ้าน
|
|
|
ลักษณะเด่นของบ้านคือ
บันไดโค้งแบบยุโรป ช่องแสงประดับด้วยกระจกสีเขียว แดง และน้ำเงิน
ช่องระบายอากาศและหน้าจั่วทำด้วยไม้ ฉลุเป็นลวดลายพรรณพฤกษา ตาม แบบศิลปะชวา และศิลปะแบบตะวันตก ทำให้ตัววังสง่างามมาก
ในปัจจุบันวังยะหริ่งได้รับ การดูแลจากเจ้าของวังเป็นอย่างดี
โดยมีการบูรณะครั้งหลังสุดเป็นปลายปี พ.ศ. 2541 ปัจจุบันมีสภาพสมบูรณ์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
"วังแห่งนี้มีอายุยาวนานนับร้อยปี
แต่วัตถุและหลักฐานของเรื่องราวตั้งแต่ยุคคุณทวดทุกอย่างยังถูกรวบรวมและจัดวางไว้เหมือนกับในอดีตทุกกระเบียดนิ้ว
ทำให้ผู้คนที่นี่ยังรู้สึกว่าวังยะหริ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้เวลาจะเปลี่ยนผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม”ตวนกูซาบีดะห์ กล่าวพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ เหลียวหลังเลาะอดีต
ภาพเขียนสีน้ำมันของบรรพบุรุษต้นตระกูลเจ้าเมืองยะหริ่งถูกเก็บและแขวนไว้อย่างดีบนชั้นสองของตัววัง
คุณหญิงวุจจิราเอื้อมมือสุดแขนหยิบลงมาก่อนยื่นให้ผู้มาเยือนได้ชมและสัมผัส
พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า วังยะหริ่ง สร้างประมาณ พ.ศ.2438 ตอนปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 โดยผู้สร้างคือพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสุรคาม
เจ้าประเทศราชเมืองยะหริ่ง อันดับ3 ซึ่งเป็นบุตรของพระยาพิบูลเสนานุกิจพิเชษฐ์ภักดี
พระยาเมืองยะหริ่งอันดับที่ 2 และพระยาเมืองอันดับแรกคือ
"ท่านนิโซ๊ะ”หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า
"โต๊ะกี” ยะหริ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองปัตตานีซึ่งเป็นประเทศราชของไทย
ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการด้วย "ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง”ให้แก่ไทย 3 ปีต่อ 1 ครั้ง
ต้องส่งทหาร(กองทัพ)ไปช่วยรบ
รูปแบบการปกครองดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองปัตตานีกับไทย
เป็นไปอย่างห่างเหิน เนื่องจากความห่างไกลจากราชธานี
ประกอบกับความเข้มแข็งทางการเมืองและเศรษฐกิจส่งผลให้เจ้าเมืองต่างๆ
คิดแยกตัวจากไทยอยู่เสมอ จึงมีการส่งกำลังจากพระนครลงมาปราบปรามอยู่หลายครั้ง
กระทั่งนำไปสู่การใช้นโยบายแบ่งเมืองปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมือง
ดังมีข้อความในประชุมพงศาวดารฉบับสำคัญ ว่า
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาสงขลา(เถี้ยนอ๋อง)ออกไปแยกหัวเมืองปัตตานีออกเป็น7หัวเมือง คือ เมืองปัตตานี เมืองยะหริ่ง เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก
เมืองรามันห์ เมืองระแงะ และเมืองยะลา
การลดอำนาจเมืองปัตตานีส่งผลให้เมืองยะหริ่งมีฐานะเป็นเมืองประเทศราชของไทย
โดยมีพระยาเมืองเป็นผู้ปกครอง และขึ้นตรงต่อเมืองสงขลาแทน เธอหยิบ
"ต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง”เครื่องราชบรรณาการในอดีตให้ชมระหว่างสนทนา
ก่อนจะสาธยายให้ฟังอีกว่า สำหรับต้นตระกูลของการสืบเชื้อสายภายในวังยะหริ่ง สมเด็จะพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
กระทั่งเมื่อเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หัวเมืองปักษ์ใต้เกิดความวุ่นวาย และมีการสืบทราบว่า "ท่านนิโซ๊ะ”มีเชื้อสายพระยาเมืองปัตตานี
พระนครจึงแต่งตั้งให้รับสัญญาบัตรเป็น "พระยาเมืองยะหริ่ง” เมื่อมาปกครองเมืองได้พยายามจัดระเบียบในการปกครองให้เป็นแบบไทย
เช่นคดีถ้อยความที่ต้องตัดสินหรือปรับไหม
โดยให้สอดคล้องตามคัมภีร์อัลกุรอ่านและเป็นไปตามพระราชกำหนดกฎหมายไทย จนเป็นแบบอย่างให้เมืองปัตตานีและเมืองรามัน
และถือปฏิบัติสืบต่อกันมา ท่านนิโซ๊ะ มีบุตรธิดาด้วยกัน7คน
ปัจจุบันกุโบร์ (ที่ฝังศพ)อยู่ที่ตำบลตันหยงลูโละ
บริเวณฝั่งตรงข้ามกับมัสยิดกรือเซะ พระยายะหริ่ง คนต่อมาคือท่านนิเมาะ
เป็นบุตรคนที่ 2 ของท่านนิโซ๊ะ ได้รับพระราชทานทินนามเป็น
"พระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี” ต้นตระกูล
"อับดุลบุตร”มีบุตรธิดารวม 14 คน
เมื่อพระยาพิบูลเสนานุกิจพิชิตเชษฐภักดี ถึงแก่อสัญกรรม บุตรคนที่ 2 คือ "ท่านนิโวะ”ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยายะหริ่งคนต่อมามีราชทินนามว่า
"พระยาพิพิธเสนามมาตยาธิบดีศรีสุรคราม
|
|
|
วังเก่ายะหริ่ง เป็นหนึ่งในอดีตหัวเมืองสำคัญของดินแดนมลายูที่ยังคงเก็บเรื่องราวเล่าขานสืบสานประวัติศาสตร์จากบรรพชนสู่ลูกหลานเมืองปัตตานีผ่านสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าวังเก่ายะหริ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อคนมลายูปัตตานีซึ่งในฐานะลูกหลานมลายูปัตตานี
เราควรอนุรักษ์สถาปัตยกรรมอันเป็นมรดกที่ล้ำค่านี้ให้อยู่คู่กับชาวมลายูปัตตานีสืบไป
แหล่งอ้างอิง
|
|
คะแนนที่ได้ 22 คะแนน
ตอบลบสามารถจัดภาพประกอบเรียงความได้ดีค่ะ แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
1. คำนำ ส่วนเกริ่นนำเรื่อง ควรจะเป็นการเขียนกว้างๆกว่านี้ ก่อนที่จะเจาะลึกลงไปในเนื้อเรื่อง
2. ส่วนเนื้อเรื่อง ต้องจัดลำดับย่อหน้าให้เนื้อหามีความสอดคล้องและชัดเจนถูกต้องกว่านี้ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย
3. ส่วนสรุปยังไม่สัมพันธ์กับเนื้อหา ยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )
ครั้งที่2หนูเเก้ไขเเล้วค่ะครู ถ้าบกพร่องส่วนไหนอีก ก็เเจ้งให้ทราบด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ลบคะแนนที่ได้ 26 คะแนน
ตอบลบรูปภาพประกอบการเขียนเรียงความได้ดี แต่ถ้าจะให้คะแนนเพิ่มขึ้น ควรปรับปรุงดังนี้
1. ส่วนนำควรเพิ่มเติมเนื้อรื่องให้น่าสนใจกว่านี้
2. ส่วนสรุปยังไม่สามารถบอกผู้อ่านให้ทราบว่าผู้อ่านได้อ่านมาจนถึงจุดปิดเรื่องแล้ว
โปรดปรับปรุงภายใน 1 สัปดาห์ ( แก้ไขเสร็จแล้ว แจ้งให้คุณครูทราบด้วยนะค่ะ )
ผมเข้ามาอ่านแล้ว ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวังเก่ายะหริ่ง จะหาโอกาสไปชมครับ
ตอบลบคะแนนที่ได้ 30 คะแนน
ตอบลบนักเรียนสามารถจัดรูปภาพประกอบการเขียนเรียงความได้ดี นำเรื่องน่าสนใจ เนื้อหาจัดเรียนลำดับเรื่องได้ดี และปิดเรื่องได้น่าสนใจค่ะ